- ภาพจำลอง Curiosity (NASA/JPL-Caltech) - |
- พื้นผิวดาวอังคารบริเวณ Gale Crater ที่ซึ่ง Curiosity จะลงจอด (NASA/JPL-Caltech/ASU/UA) - |
ปลายมิถุนายน 2555 Curiosity จะถูกปลุกให้ตื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจครั้งสำคัญ วิศวกรจะทำการตรวจสอบวิถีการเคลื่อนที่และติดตามตำแหน่งของเจ้า Curiosity อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ส่วนที่ยากที่สุดคือช่วงที่ Curiosity ดำดิ่งฝ่าชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้เพื่อลงจอด
หุ่นสำรวจดาวอังคารตัวอื่น ๆ สามารถใช้ถุงอากาศเพื่อหย่อนตัวลงแตะพื้นดิน แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับ Curiosity ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 900 กิโลกรัม มันต้องอาศัย sky crane ในการค่อย ๆ หย่อนตัวมันลงมาสู่เบื้องล่าง วัตถุประสงค์หลักของ Curiosity หลังจากที่มันแตะพื้นผิวดาวอังคารมี 4 ข้อ คือ
- ตอบคำถามที่ว่าดาวอังคารมี (หรือเคยมี) สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่
- ระบุถึงสภาพอากาศที่เป็นผลมาจากชั้นบรรยากาศในอดีตและปัจจุบันของดาว
- ทำความเข้าใจกระบวนการและโครงสร้างทางธรณีวิทยาของดาวอังคาร ปรับปรุงภาพพื้นผิวดาว จากที่เคยมีอยู่เดิม
- รวบรวมข้อมูลเพื่อปูทางให้กับการส่งมนุษย์ไปสำรวจดาวอังคารในอนาคต
- ภาพจำลองการลงจอดของ Curiosity โดยใช้ sky crane (JPL-Caltech/NASA/AP) - |
ลำตัวของ Curiosity ถูกติดตั้งด้วยอุปกรณ์วิเคราะห์องค์ปะกอบของชั้นบรรยากาศและพื้นดินซึ่งสามารถระบุการมีอยู่ของสารประกอบคาร์บอนได้หลากหลายชนิด และสามารถตรวจวัดปริมาณธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตบนดาวอังคาร
Curiosity ยังมีกล้องความละเอียดสูงติดตั้งที่ระดับความสูงเดียวกับสายตามนุษย์ซึ่งสามารถบันทึกภาพในย่านคลื่นวิทยุและบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงได้ อุปกรณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเครื่องยิงเลเซอร์เพื่อทำให้ดินและหินในระยะ 7 เมตร ระเหิดกลายเป็นก๊าซ โดยสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของก๊าซนั้นได้
นอกจากนี้เจ้า Curiosity ยังมีเครื่องตรวจวัดระดับรังสีที่พื้นผิวดาว ข้อมูลทั้งหลายทั้งมวลจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ในการวางแผนส่งมนุษย์ไปสำรวจดาวอังคารในอนาคต และหาข้อสรุปถึงความเป็นไปได้ที่ดาวอังคารจะเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกเราทุกคน
[1] เนื่องจากดาวอังคารมีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์คล้ายวงรี และอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลก 1 เดือนของดาวอังคาร จึงยาวนานประมาณ 2 เดือนบนโลก
[2] Curiosity ยาวประมาณ 3 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 900 กิโลกรัม
เรียบเรียงจาก: “Curiosity is on its way to Mars” นิตยาสาร Astronomy –March 2012
บทความที่เกี่ยวข้อง:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น