ภาพจาก NASA/JPL -Caltech |
ข้อมูลจากยาน Voyager ใช้เวลาเดินทาง 16 ชั่วโมง 38 นาที กว่าจะมาถึงเครื่องรับสัญญาณของ NASA บนโลก การวิเคราะห์สิ่งซึ่งยานอวกาศ Voyager ตรวจวัดได้จึงล่าช้าไปตามเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามข้อมูลจาก High Energy telescopes ที่ติดตั้งบนตัวยานทำให้นักดาราศาสตร์ทราบว่า Voyager 1 กำลังเผชิญกับอนุภาคพลังงานสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง อนุภาคพลังงานสูงเหล่านี้เกิดจากการระเบิดที่เรียกว่า supernova ของดาวฤกษ์เพื่อนบ้านของดวงอาทิตย์ (ซึ่งล้วนอยู่นอกระบบสุริยะ)
ภาพจำลองยานอวกาศ Voyager (NASA) |
โดยปกติดวงอาทิตย์จะพ่นอนุภาคที่มีประจุออกมาเกิดเป็นชั้น Heliosphere คล้ายชั้นของฟองอนุภาคทำหน้าที่เป็นเกาะป้องกันดาวเคราะห์ต่าง ๆ (โดยเฉพาะโลก) ไม่ให้ถูกพุ่งชนโดยรังสีคอสมิกมากเกินไป (ขอบเขต Heliosphere จะไม่ใช่ทรงกลม แต่จะคล้ายทรงรีเนื่องจากการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และระบบสุริยะทั้งระบบได้ลากเอาบริเวณดังกล่าวไปด้วย) การเพิ่มขึ้นของรังสีคอสมิกอย่างเห็นได้ชัด (หรือการลดลงของฟองอนุภาคที่คอยป้องกันรังสีคอสมิก) ทำให้เรารู้ว่ายาน Voyager 1 กำลังเดินทางพ้นเขตฟองอนุภาคที่มีประจุดังกล่าว
หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่จะบอกว่า Voyager 1 ก้าวพ้นขอบเขตระบบสุริยะแล้วจริง ๆ คือ การเบนทิศของเส้นแรงแม่เหล็ก ขณะที่ยานยังอยู่ภายใน Heliosphere เส้นแรงแม่เหล็กจะชี้ไปในแนวตะวันออก-ตะวันตก แต่เมื่อยานออกสู่ช่องว่างของอวกาศระหว่างดวงดาว (Interstellar Space) ทิศแม่เหล็กจะเบนไปทางแนวเหนือ-ใต้มากขึ้น ปัจจุบันทีมนักวิทยาศาสตร์กำลังวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดจากยาน Voyager 1 เพื่อตรวจสอบสนามแม่เหล็กว่ามีการเบนทิศหรือไม่ โดยการวิเคราะห์นี้อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำหรับการเดินทางสำรวจดินแดนระหว่างดวงดาวนอกระบบสุริยะ อีกไม่นานยานอวกาศ Voyager จะเป็นเสมือนตัวแทนของอารายธรรมมนุษย์ที่ล่องลอยสู่ห้วงอวกาศอันไกลแสนไกล
อ้างอิง:
น่ าสนใจครับ อยากรู้ข่าวสารมากกว่านี้ครับ
ตอบลบ